ภูเก็ต – ยืมรถจักรยานยนต์ไม่ส่งคืน เจ้าของรถตามเจอ เว็บสล็อตแตกง่าย พาญาติมารุมประเคนแม่ไม้มวยไทย พบประวัติเคยก่อเหตุมาแล้ว 8 ครั้ง เมื่อเวลา 18.50 น.วันที่ 14 ต.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งว่ามีเหตุคนถูกทำร้ายบาดเจ็บ เหตุเกิดที่หน้าบ้านเลขที่ 65/1 ซอยพะเนียง ม.5 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมาทางผู้บาดเจ็บได้ยืมรถจักรยานยนต์ของเพื่อนที่รู้จักกันแล้วไม่ยอมส่งคืน ทางผู้เสียหายพยามติดต่อแต่ทางผู้เสียหายไม่ยอมรับโทรศัพท์ บางครั้งปิดเครื่องหนี
เมื่อผู้เสียหายติดต่อไปทางเฟสบุ๊คและทางไลน์ ผู้บาดเจ็บ ก็บล๊อกหนี จนกระทั่งวันนี้ทางผู้เสียหายติดต่อทางโทรศัพท์ไปยังผู้บาดเจ็บอีกครั้ง
กลับติดต่อได้ และนัดจะมอบรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวกันที่บริเวณที่เกิดเหตุ ในระหว่างนั้นทางผู้เสียหายได้ชวนญาติมายังจุดเกิดเหตุหลายคน เมื่อผู้บาดเจ็บเห็นผู้เสียหายพยามเร่งเรื่องหลบหนีสุดท้ายถูกญาติผู้เสียหายที่ตามมารุมประชาทัณฑ์จนสลบคาบ้านดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเดินทางตรวจสอบและแจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตมารับตัวไปรักษาพยาบาลที่ ร.พ.วชิระภูเก็ต ก่อนดำเนินการต่อไป
ประชาชนร่วมชมพิธีแห่พระรอบเมืองของศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ (15 ต.ค.) บรรยากาศการประกอบพิธีแห่พระรอบเมือง ในงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2561 คึกคักกว่าทุกวันที่ผ่านมา มีประชาชนชาวภูเก็ต นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติหลายพันคนออกมารับขบวนแห่พระของศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีการประกอบพิธีแห่พระรอบเมืองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาศาลเจ้าทั้งหมดกว่า 30 ศาลเจ้าของจังหวัดภูเก็ต
โดยตลอดเส้นทางที่ขบวนแห่พระผ่านเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากตลอด 2 ข้างทางเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มารอรับพระเพื่อรับพรจากองค์พระ และชมการแสดงอิทธิฤทธิ์ของม้าทรง ซึ่งม้าทรงมีอายุตั้งแต่ 10-60 ปี โดยการใช้ของแหลม ของมีคมต่างๆ ทั้งใน และนอกตำนานทิ่มแทงตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณกระพุ้งแก้ม ลิ้น เช่น หัวมณฑล ร่มไทย มีดดาบ มีด เหล็กแหลม เรือสำเภา งาช้าง ลูกคิด และยังมีการอาบน้ำมัน และใช้เทียนหยดตามตัว ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการรับเคราะห์แทนผู้ถือศีลกินผัก
เมื่อขบวนแห่พระผ่านมาถึง ประชาชนชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวได้นำประทัดแพที่เตรียมไว้จำนวนมากจุดใส่ขบวนพระเพื่อเป็นการต้อนรับในโอกาสเสด็จออกประพาสเพื่อโปรดสัตว์ หรือทำนองออกเยี่ยมราษฎรของพระมหากษัตริย์ โดยมีขบวนธง และป้ายชื่อแห่นำหน้า จากนั้นเป็นเกี้ยวหามรูปพระ เรียกว่า ไท่เปี๋ย หรือเสลี่ยงเล็ก โดยหามรูปพระบูชาต่างๆ ออกนั่งเกี้ยวไป ซึ่งจัดตามชั้น และยศของเทพ จากนั้นเป็นขบวนของนิ่วสิ่ว หรือฉัตรจีน ตามด้วยพระเกี้ยวใหญ่ หรือเสลี่ยงใหญ่ ซึ่งมักใช้คน 8 คนหาม ซึ่งเป็นที่ประทับองค์กิ้วฮ๋องไต่เต่ ทำให้พื้นที่ตัวเมืองภูเก็ตในเส้นทางที่ใช้ประกอบพิธีแห่พระถูกปกคลุมไปด้วยเสียง และควันจากประทัด ส่วนในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 8 ของประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต จะเป็นขบวนแห่พระรอบเมืองของศาลกะทู้ ซึ่งเป็นศาลเก่าแก่ที่สุด ขบวนแห่พระจะออกจากศาลเจ้าตั้งแต่เวลา 07.00 น. และในเวลา 19.00 น. ทางศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้งจะมีพิธีโก้ยหาน (พิธีสะเดาะห์เคราะห์)
ผู้ว่าภูเก็ตร่วมพิธีจุดเทียนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภูเก็ต – ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นำหน่วยงาน ทุกภาคส่วนและพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตร่วมพิธีจุดเทียนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อังคารที่ 23 ตุลาคม 2561 ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
วันนี้ 23 ตุลาคม 2561 เวลา 19.09 น.นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นางสุทธินีย์ ทวิพัฒน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน นำภาครัฐ เอกชนและประชาชน ร่วมพิธีจุดเทียนเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต วันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2561 ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต กิจกรรมประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตนำประชาชนผู้เข้าร่วมพิธี ถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นตัวแทนประชาชนทุกหมู่เหล่ากล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีใจความสำคัญว่า “เนื่องในวันปิยมหาราช อันเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ข้าพระพุทธเจ้า นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
พร้อมด้วยคณะข้าราชการและพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ต่างน้อมจิตแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึก ถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปกครองอาณาประชาราษฎร์ด้วยทศพิธราชธรรม และทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ อเนกประการ เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศ ให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้ง จวบจนกาลปัจจุบัน ด้วยพระอัจฉริยภาพอันล้ำ เลิศลึกซึ้ง และพระปรีชาญาณ อันกว้างไกล
ในด้านการปกครองทรงตั้งโรงเรียนหลวงเพื่อวางรากฐานการศึกษาแก่ราษฎรทุกหมู่เหล่า ให้สามารถเป็นกำลังแก่บ้านเมือง ทรงประกาศเลิกทาสและยกเลิกระบบไพร่เพื่อนำพาประเทศไทยให้ก้าวสู่ความทันสมัยทัดเทียมนานาอารยประเทศ ทรงดำเนินวิเทโศบายในการเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ช่วยสร้างความมั่นคงแก่ประเทศและคงไว้ซึ่งเอกราชของชาติไทย ยังความร่มเย็นเป็นสุขแก่ราษฎรโดยถ้วนหน้า สล็อตแตกง่าย
